เมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 ร.ต.อ.สุริยา ลีนุรัตน์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนพบศพ ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สาวเอ้ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ จุด อ.คูเมืองที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูง ใน ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ลักษณะบ้านใช้สังกะสีทำเป็นฝาบ้าน
บริเวณใต้ถุนบ้านซึ่งดัดแปลงเป็นห้องนอน พบศพนายไพบูลย์ หรือแอ๊ด อายุ 31 ปี และด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 10 ปี นักเรียนชั้นป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ลักษณะศพหันหน้าเข้าหากัน สภาพเริ่มเน่าเปื่อย คาดเสียชีวิตมาประมาณ 3 วัน ตรวจสอบโดยรอบไม่พบร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สิน หรือร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด
ตามร่างกายของนายแอ๊ดไม่พบบาดแผลตามร่างกาย มีเพียวด.ญ.บี ที่มีบาดแผลบริเวณศีรษะ คล้ายถูกของแข็งทุบ
สอบถามนายสมบัติ อายุ 55 ปี ชาว ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ คนเจอศพคนแรก เล่าว่า ก่อนที่จะมาพบศพได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาก่อน ประกอบกับไม่เห็นนายแอ๊ด มา 2-3 วัน
จึงเดินไปดู พอเปิดประตูเข้ามาก็พบศพทั้ง 2 พ่อลูก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบดังกล่าว ส่วนสาเหตุส่วนตัวเชื่อมามาจากความจน นายแอ๊ดอาศัยอยู่กับลูกสาวตามลำพังมาเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
หลังจากภรรยาหนีไปมีสามีใหม่ ทิ้งให้นายแอ๊ดอยู่กับลูกสาว ชีวิตความเป็นอยู่ของนายแอ๊ด ตลอด 5 ปีตั้งแต่ภรรยาหนีออกจากบ้านไป อยู่ด้วยความลำบาก เพราะนายแอ๊ดมีโรคประจำตัวคือโรคหอบหืด ไม่สามารถไปรับจ้างงานหนักได้
“แต่ละวันจะต้องหาปู หาปลา มาเลี้ยงลูกสาว ถ้าหาปลาได้มากจะเอาไปขาย ได้เงินเอาไว้ให้ลูกสาวไปโรงเรียน หลายครั้งต้องไปงัดเอาสังกะสีหลังคาบ้านไปขาย หากไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา บ้านนายแอ๊ดถูกตัดน้ำตัดไฟ เพราะไม่มีเงินไปจ่าย จึงอยู่ในความมืดมาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา และเมื่อ 3 วันก่อนนายแอ๊ด
เดินไปหาที่บ้าน มีลักษณะซึมไม่พูดจา ก่อนจะหายตัวไปทั้ง 2 คน สาเหตุส่วนตัวคาดว่าน่าจะเกิดจากภรรยาที่หนีไปมีสามีใหม่ และความจนที่บีบบังคับให้ต้องทำแบบนี้
สุดสงสาร ‘2 พ่อลูก’ ยอมนอนตัวเปียกก่อนลาโลก
