กันต์ กันตถาวร เพื่อนสนิทเผยนิสิย อ๋อม อรรคพันธ์ เล่างานเดียวที่อ๋อมรักมากที่สุดในชีวิต

หลังการจากไปของพระเอก อ๋อม อรรคพันธ์ สร้างความโศกเศร้าให้กับคนในครอบครัว และเพื่อนๆในวงการเป็นอย่างมาก และ สำหรับ “กันต์ กันตถาวร” และ “อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์”ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทในวงการที่เติมโตมาพร้อมๆกันได้เปิดใจว่า แต่วันนี้ (22 ก.ย. 67) ก็ถึงวันที่ทั้งคู่ต้องจากกันไกล เพราะหนุ่มอ๋อมได้จากไปอย่างสงบแล้วในวัย 39 ปี หลังป่วยด้วยโรคมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งงานนี้พอได้ทราบข่าว กันต์ก็ได้ออกมาโพสต์อาลัยถึงเพื่อนทันที ก่อนล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา จะเดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ และฟังสวดอภิธรรม ณ ศาลา 12 วัดธาตุทอง พร้อมเปิดใจกับสื่อ ว่ารับรู้อาการป่วยมาโดยตลอด ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่ก็เชื่อว่ามันดีที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้แล้ว “เราพยายามทำให้เขาได้รับรู้ ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะรับรู้หรือเปล่า ว่ามีคนรักและเป็นห่วงเขาเยอะ เราไม่ได้หวังให้มันเร็วขนาดนี้ครับ แต่เราก็เชื่อว่ามันดีที่สุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้แล้ว เพราะว่าอย่างน้อยๆ เราก็ได้เห็นว่าเขาไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ปวด ไม่ต้องรู้สึกแย่อีกต่อไป ณ วันนี้เขาน่าจะสบายกว่าพวกเราด้วยซ้ำ พวกเรายังคงจะต้องดิ้นรนต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี ก็คิดว่าเขาน่าจะมีความสุขแหละ กับเส้นทางที่วันนี้เขาจะต้องออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

ยืนยันได้เต็มปาก “อ๋อม” สู้โคตรๆ ในกระบวนการรักษา “โดยสังเขปแล้วกันนะครับ ขอไม่ลงอะไรลึก คือได้รับทราบมาตั้งแต่แรกเลย ในกรณีที่เขาป่วย แล้วก็กระบวนการการรักษาโดยทั้งหมดพอสังเขป ได้รู้ว่ามันมีช่วงที่ดีขึ้นและแย่ลง มีช่วงที่ที่เอาวะ มันจะต้องมีปาฏิหาริย์ เอาวะสู้ คือผมว่าพวกเราคือมนุษย์ มันเป็นเรื่องปกติ ผมเชื่อว่าเขาได้ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างมาครบทั้งกระบวนการแล้ว ถ้ารู้จักเขาเพียงพอ คุณจะรู้เท่าที่ผมรู้ แล้วก็จะรู้สึกว่าเขาสู้โคตรๆ” “ถามว่าเขาเสียใจ เขาดิ่งขนาดไหน ที่เขารู้อาการของตัวเอง ขนาดเรารู้แต่มันไม่ได้เกิดกับเรา เรายังดิ่งเลย นี่มันเกิดกับตัวเขาเอง เพราะฉะนั้นผมจึงเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง กระบวนการความคิด และกระบวนการปฏิบัติ ที่มันได้เกิดขึ้นกับตัวของเขาและในครอบครัวของเขา ก็ประกอบกับจริงๆ แล้วอ๋อมเป็นคนที่ผมสนิทที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิง เราได้โตมาด้วยกัน ต้องใช้คำนี้ครับ เริ่มต้นมาด้วยกัน เริ่มเป็นนักแสดงเกือบจะพร้อมๆ กัน แล้ววันหนึ่งเราต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง ผมเองก็เลือกไปสู้ในการเป็นพิธีกรให้ได้ เขาก็เป็นนักแสดงที่มีคนรักกันทั้งประเทศ ณ วันนี้ผมก็เชื่อว่ามันไม่ได้หายไปไหน มีคนรักเขามากกว่าเดิม”

“วันนี้อย่างน้อยๆ เราก็ได้เห็นว่า ต่อให้เราไม่ได้เจอกันทุกวัน ทุกอาทิตย์ ทุกเดือนเหมือนเมื่อก่อนที่เราอยู่ด้วยกันจากการทำงาน เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม โดยที่เราก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่เสมอว่า ชีวิตมึงเป็นไงบ้างวะ ยิ่งพอเขาป่วย เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่สนิทกัน มันจะต้องคอยดูแลคนที่อยู่เบื้องหลังด้วย ก็เป็นห่วงทั้งคุณพ่อคุณแม่กับครอบครัวของอ๋อมด้วย รวมไปถึงคุณภรรยาด้วยครับ ก็พยายามดูแลทุกคน” “ที่ผ่านมาก็ติดต่อให้กำลังใจกันมาตลอด แต่ก็ให้เกียรติและให้ความเป็นส่วนตัวเขา เพราะเราก็จะพอรู้ว่าเรื่องไหนเขาอยากพูด หรือเรื่องไหนไม่อยากพูด บางทีแค่บอกมาว่าโอเคยังไม่สะดวก เราก็จะรู้แล้วว่าไม่ต้องถามต่อหรอกว่า ไม่สะดวกทำอะไรเหรอ คือเราก็จะพอรู้ว่าได้ครับ ไม่เป็นไร มึงสะดวกมึงก็บอกกูแล้วกัน เดี๋ยวกูไปหา แล้ววันที่เขาสะดวกเขาก็โทร.มาเอง ก็คิดว่าน่าจะรู้จักกันดีประมาณหนึ่งครับ”

ให้กำลังใจครอบครัว บอกให้เข้มแข็ง รู้ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าคนเป็นพ่อแม่ต้องมางานแบบนี้ของลูก “ก็ตามเพื่อนๆ ทั่วๆ ไปครับ บอกว่าเข้มแข็งนะ เราจะไปให้เขาไม่เสียใจมันคงเป็นไปไม่ได้ เรารู้ว่าเขาเสียใจ แต่เรารู้ว่าเขาคงได้คิดอะไรมากกว่าเราซะอีก เพราะเราเป็นคนนอกครอบครัว เราแค่อยู่ในเส้นทางหนึ่งในชีวิตของอรรคพันธ์ แต่เขาอยู่กันตั้งแต่เป็นวุ้น จนวันนี้ผมว่าคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ต้องมางานแบบนี้ของลูกตัวเอง (เมื่อกี้เห็นเราถ่ายรูปแล้วก็หันกลับไปมอง เราพูดอะไรกับเพื่อน?) ก็บอกเขาว่าไม่ต้องห่วง ทุกคนคอยดูแลครอบครัวคุณอยู่ สิ่งที่คุณมีมันไม่ใช่แค่เปลือก มันเป็นความรู้สึกที่คงเป็นคำพูดไม่ได้ ก็มีคนรักครอบครัวเขาจริงๆ แต่สาเหตุมันมาจากเพราะทุกคนรักคุณไง” โตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนที่รักที่สุดคนหนึ่ง “เขาเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดคนหนึ่งครับ มันโตมาด้วยกัน

ทั้งเรื่องดีและไม่ดี เราฝ่าฟัน เรามีรอยยิ้มด้วยกันได้ หัวเราะด้วยกันได้ ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ที่ไม่ได้บอกว่ามันจะดีหรือจะแย่ที่สุด แต่วันนั้นข้างๆ ผมมองไปเจอมัน เขาคงไม่ใช่คนที่นิสัยดีที่สุด หรือแย่ที่สุดที่ผมเคยเจอ คนเรามันกลมกล่อม แต่ ณ วันนั้น เวลานั้น คนที่ยืนข้างผมก็ต้องมันอะ” อยากให้ทุกคนจำว่า “อ๋อม” เป็นนักแสดงที่ซื่อสัตย์กับอาชีพของตัวเองที่สุด “จำว่าเขาเป็นนักแสดงที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเองที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ผมเคยรู้จัก ไม่ได้เกี่ยวว่าผลงานเรื่องนั้นมันจะดังหรือไม่ดัง หรือคุณจะรักตัวละครนั้นหรือไม่ แต่ให้พวกคุณได้เข้าใจว่าทุกกระบวนการคิด ทุกไดอะล็อกที่ออกจากปากเขา มันทำด้วยความรักของผู้ชายคนนี้ครับ และงานเดียวที่เขารักมากที่สุดในชีวิต คือการเป็นนักแสดงครับ”