วันที่ 17 ม.ค.68 จากกรณีมีคนโพสต์คลิปหญิงที่ระบุว่า ลูกสาวเป็นคนถ่ายภาพของแม่ของตัวเอง มีรอยฟกช้ำเต็มแผ่นหลัง แล้วบอกว่าถูกสามีชาวเมียนมาทำร้าย และอยากให้มีคนมาช่วยเหลือ เพราะสามีเฝ้าไม่ให้ไปแจ้งความจนกว่าอาการจะดีขึ้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าควบคุมตัว นายอา ตุ ฮาน อายุ 34 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นสามีลงมือทำร้าย นางเพชรไพลิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นคนที่ถูกทำร้ายในโพสต์ดังกล่าว ซึ่งยังคงรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลคูเมือง ซึ่ง นาย อา ตุ ฮาน ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนใช้ไม้กวาดตีหลังภรรยาประมาณ 5-6 ครั้ง และถือเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยาที่จะต้องทะเลาะกันบ้าง ล่าสุด น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้เดินทางมาที่ สภ.คูเมือง เพื่อสอบถามหาข้อเท็จจริง ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลคูเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปร่วมด้วย น.ส.ชลิดา กล่าวว่า ได้รับเคสนี้เมื่อประมาณตี 2 ที่ผ่านมา จึงรีบประสาน ผกก. จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้โพสต์อ้างว่าเป็นเมียน้อยของสามีคนถูกทำร้าย คาดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นแต่เก็บเอาไว้ก่อน จริงๆ แล้วเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าเพื่อนบ้านเป็นคนแจ้งตำรวจ พอตำรวจไปตรวจสอบบอกว่านอนแล้ว ตำรวจก็กลับบ้านไป ส่วนคลิปลูกสาวผู้บาดเจ็บเป็นคนส่งให้กับคนรู้จักแล้วเอาไปโพสต์ทางเฟซบุ๊ก ตอนนี้ผู้เสียหายอยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว คาดว่าฝ่ายหญิงคงจะไม่เอาแล้วจึงประสานญาติที่ จ.ชัยภูมิ ให้มารับตัวกลับบ้าน
กรณีที่ชาวเน็ตถามว่าทำไมผู้หญิงถึงทนขนาดนี้ เราอย่าเพิ่งไปฟันธง มันอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ อาจจะมีเรื่องการข่มขู่ เนื่องจากเพื่อนบ้านแจ้งว่าสามีมักจะข่มขู่เป็นประจำ ถ้าแจ้งความจะฆ่าลูกทั้งสองคนรวมถึงตัวแม่ด้วย ถ้าถูกจับออกมาก็จะฆ่า ความเป็นแม่อาจจะทนเพื่อปกป้องลูกหรือไม่ เบื้องต้นเราจะต้องเข้าไปช่วยเหลือเขาก่อน หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรช่างเขา สิ่งที่ตนรับไม่ได้คือสาเหตุที่ทำร้ายภรรยาเพราะต้องการเอาเมียน้อยเข้าบ้าน จึงซ้อมเพื่อให้ยอมรับ ถือว่าหยามผู้หญิงมาก ด้าน พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.คูเมือง กล่าวว่ากรณีดังกล่าวถึงแม้ภรรยาไม่เอาเรื่อง ตำรวจจะต้องเอาเรื่องทำร้ายร่างกายส่วนจะสาหัสหรือธรรมดาต้องรอใบรับรองแพทย์ อีกประเด็นจะแจ้งข้อหาความรุนแรงในครอบครัวอีกทางหนึ่งถึงแม้ภรรยาจะไม่เอาเรื่องก็ตาม หลังจากสั่งฟ้องศาลเสร็จ ก็จะทำการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
