จากกรณี คุณยายเอียด วัย 70 ปี ซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านต้องดูแลน้องๆ พิการทางสมองและร่างกาย 3 ชีวิต เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุเมธ จิตเพ็ชร รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านคลองเต็ง ว่าได้ถูกชายรายหนึ่ง ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและขืนใจจนสำเร็จความใคร่ภายในป่าสวนยางพารา ซึ่งอยู่ภายในรั้วที่ดินของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง พื้นที่ หมู่ 7 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมืองตรัง พร้อมทั้งข่มขู่จะดับยกครัว ในระหว่างที่คุณยายกำลังเดินถือถังขี้ยางเพื่อนำไปขายและไปเอาแกงถุง ที่ตลาดลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 6 ม.ค.68 จนต่อมาในช่วงเช้าวันนี้ 10 ม.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านคลองเต็ง ได้สืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง จึงได้นำภาพหน้าของชายรายดังกล่าว และผู้ต้องสงสัยอีกคน มาให้คุณยายเอียดดู กระทั่งคุณยายยืนยันว่าชายรายดังกล่าวเป็นคนที่ทำร้ายร่างกายและข่มขืนจริง ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ณัฐภาคย์ นุ้ยโดด ผกก.สภ.บ้านคลองเต็ง เปิดเผยว่า
หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ทางตำรวจได้แสวงหาพยานหลักฐานชัดเจน จึงได้ยื่นขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายเจตน์ หรือพงษ์ อายุ 64 ปี ชาวบ้าน หมู่ 6 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง ผู้ต้องหา โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานแน่นหนาจนศาลเชื่อและอนุมัติออกหมายจับ ไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทางเทคนิค และพยานแวดล้อม และยังได้สอบถามข้อมูลจากอดีตเพื่อนร่วมงานของนายเจตน์ หรือพงษ์ ที่อดีตเคยรับจ้างขับรถบรรทุกด้วยกัน รวมทั้งมีการตรวจประวัติคดีเก่าเพิ่มเติม ก็พบว่าพ้นโทษคดีข่มขืนหญิงพิการติดเตียง จนกระทั่งไปที่บ้านพักของเจ้าตัว แล้วเจ้าตัวไม่อยู่บ้านพักช่วงเย็นวันนี้
จากนั้นสืบทราบและพบเจอนายเจตน์เดินอยู่ในตลาด เลยแสดงหมายและเข้าคุมตัวทันที พร้อมกับทำการตรวจยึดยานพาหนะที่นายเจตน์ ใช้ก่อเหตุ เป็นรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 110 สีแดง-ดำ ซึ่งใช้ขี่ไปก่อเหตุบังคับยายเอียดให้ขึ้นรถ ก่อนใช้กำลังข่มขืนที่สวนยางพารา ก่อนจะทำการเก็บรวบรวมตรวจดีเอ็นเอ และตรวจปัสสาวะ เบื้องต้นจากการตรวจไม่พบว่าเป็นฉี่ม่วง หรือไม่มีการใช้สารเสพติด และในเบื้องต้นทางนายเจตน์ปฏิเสธทุกข้อหาในชั้นพนักงานสอบสวน โดยยังอ้างอีกว่าไม่รู้จักกับยายเอียด หรือผู้เสียหายมาก่อนหน้านี้
ต่อมา นายเจตน์ ผู้ก่อเหตุ หลังจากถูกคุมตัวเข้าห้องสืบสวนสอบสวน สภ.บ้านคลองเต็ง โดยใช้ระยะเวลาในการสอบสวน ทำบันทึกจับกุม ตรวจดีเอ็นเอนานกว่า 3 ชั่วโมง มีช่วงจังหวะที่เจ้าตัวเข้าห้องน้ำ และเดินกลับมายังห้องสืบสวนสอบสวนเพื่อสอบปากคำต่อ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าตัวระหว่างเข้าห้องสืบสวน ว่าเจ้าตัวได้ข่มขืนกระทำชำเรายายวัย 70 ปีหรือไม่ เจ้าตัวตอบเราเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่ครับ” และเมื่อสอบถามเจ้าตัวได้ไปที่เกิดเหตุในวันที่ 6 มกราคมหรือไม่ เจ้าตัวไม่ตอบคำถามก่อนเข้าห้องไปสอบปากคำกับตำรวจต่อ ต่อมาเวลา 20.30 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวออกมาจากห้องสืบสวนเพื่อนำตัวเข้าห้องขัง ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงบาดแผลที่บริเวณใบหน้า ใกล้มุมปากด้านซ้าย เนื่องจากยายเอียดให้การว่าได้ใช้เล็บข่วนผู้ก่อเหตุด้วย ทางเจ้าตัวบอกว่าเป็นบาดแผลที่โดนมีดโกนบาดหลายวันมาแล้ว โดยเจ้าตัวมีสีหน้าและภาษากายที่เรียบเฉย
จากการตรวจสอบประวัติทราบว่า เมื่อปี 2565 ผู้ต้องหารายนี้เคยกระทำความผิดและถูกจำคุกในคดี ฐานความผิด ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย , บุกรุกเข้าไปในเคหสถาน , บุกรุกโดยใช้กำลังในเวลากลางคืน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เจ้าตัวไปก่อเหตุข่มขืนหญิงพิการติดเตียง อายุประมาณ 40 กว่าปี ขณะที่หญิงพิการติดเตียงอยู่บ้านพักลำพัง โดยนายเจตน์เข้าบ้านพักของเหยื่อตอนที่เหยื่ออยู่คนเดียว แล้วใช้กำลังทำร้ายร่างกายหญิงพิการติดเตียง ก่อนใช้กำลังข่มขืน หลังข่มขืนเสร็จมีการทำร้ายต่อ ซึ่งเจ้าตัวคงคาดการณ์ ว่าเหยื่อได้เสียชีวิตแล้วเลยหนีออกมาจากบ้านพัก แต่ปรากฏว่าหญิงพิการติดเตียงยังไม่ตาย และได้เล่าให้ญาติฟัง ทางญาติจึงแจ้งความและสุดท้ายตำรวจตามตัวจับได้
จนกระทั่งนายเจตน์ติดคุกเป็นระยะเวลาประมาณ 3 ปี ก่อนจะเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.67 หรือได้เพียงแค่ประมาณ 7 วันก่อนมาก่อเหตุลงมือทำร้ายและข่มขืนยายเอียดในครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และในวันพรุ่งนี้ (11 ม.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ฝากขังศาลจังหวัดตรังต่อไป