กลัวหลานหิว! น้าหิ้วข้าวไข่เจียว น้ำแดง มาให้หลาน ที่เสียชีวิตวัย 8 ขวบ ด้านจนท.นิมนต์พระมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเด็กมาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ท้ายรถ
ความคืบหน้าล่าสุดบรรยากาศที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พื้นที่กองบัญชาการทัพไทย ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เก็บซากรถบัสรับส่งนักเรียนที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ (1ต.ค.67) เมื่อผู้สื่อข่าวมาถึงได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของอนุสรณ์สถานและรปภ.ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวด้านใน โดยให้เหตุผลว่า ต้องให้นายในกองบัญชาการทัพไทยอนุญาตก่อน ทำให้สื่อมวลชนจากทุกสำนักไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้
ทั้งนี้จากการสังเกตการณ์ของสื่อมวลชนพบว่า ทางกองทัพไทยได้จัดทำบุญให้กับผู้เสียชีวิตภายในจุดดังกล่าว โดยนิมนต์พระจำนวนหนึ่ง จากวัดลาดสนุ่น นั่งรถตู้เข้าไปภายในบริเวณที่มีการตรวจรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้มีการนิมนต์มาเพื่อทำพิธีตามหลักศาสนา รวมไปถึงให้ทางพระมีการสวดอัญเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ออกจากภายในรถ เพื่อที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและสามารถเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ได้ตามหลักความเชื่อและความสบายใจ
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบภายในตัวรถ ซึ่งในช่วงแรกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพได้ทำการจุดไฟมาทดสอบที่บริเวณหน้ารถว่ายังมีก๊าซตกค้างอยู่หรือไม่ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าค่อนข้างปลอดภัยในระดับหนึ่งจึงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
ด้านเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณซากรถคันเกิดเหตุ โดยวันนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อหาถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้รถ การดัดแปลงสภาพตัวรถว่ามีที่บริเวณจุดใดบ้าง ตรวจสอบระบบการเดินก๊าซภายในตัวรถ และจำนวนถังก๊าซที่ระบุไว้กับกรมการขนส่งทางบกกับสภาพจริงตรงกันหรือไม่ ระบบการเปิดปิดประตูปกติและประตูฉุกเฉิน ระบบไฟฟ้า เพื่อนำไปประกอบในสำนวนการสอบสวน และรายงานให้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบก่อนรายงานผลให้นายกรัฐมนตรี และส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบ พร้อมจะมีการแถลงข่าวในช่วงบ่าย 2 โมงวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงหน่วยงานเอกชนที่มีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องของก๊าซ ได้เดินทางเข้าไปภายในเพื่อร่วมตรวจสอบกับทางเจ้าหน้าที่ พฐ . และ ขนส่ง