วิธีสมัครรายใหม่ 3 กลุ่มเปราะบาง รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ

สำหรับเดือน พฤศจิกายน 2567 รัฐบาลจะทำการโอนเงินช่วยเหลือ 3 กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เงินอุดหนุนบุตร เงินผู้พิการ และเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ตามรายละเอียดดังนี้

เงินอุดหนุนบุตร เดือนพฤศจิกายน 2567

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นโครงการเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่ช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดของพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยมีเงื่อนไขที่สำคัญคือ สมาชิกครัวเรือนต้องมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี

พ่อแม่จะได้รับเงินอุดหนุนบุตรตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จำนวน 600 บาทต่อคนต่อเดือน และไม่จำกัดจำนวนบุตร โดยพ่อแม่ผู้ปกครองที่คุณสมบัติเข้าเงื่อนไข สามารถยื่นลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท ได้ตลอด

วิธีลงทะเบียนเงินอุดหนุนบุตรรายใหม่ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองรายใหม่ สามารถติดต่อลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนบุตรได้ในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิดและผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ได้แก่

-กรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนได้ที่สํานักงานเขต

-เมืองพัทยา ลงทะเบียนได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา

-ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนได้ที่องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล

เงินเบี้ยผู้พิการ เดือนพฤศจิกายน 2567 เงินเบี้ยผู้พิการ หรือ เบี้ยความพิการ เป็นสวัสดิการที่รัฐบาลช่วยเหลือคนพิการทุกคนที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อแบ่งเบาภาระของคนพิการ และช่วยยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น

สำหรับรายละเอียดการจ่ายเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการ จะมี 3 กลุ่ม ดังนี้

1.อายุต่ำกว่า 18 ปี ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน รวม 1, 000 บาท

2.อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเงินเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน และสามารถกดเพิ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนอีก 200 บาท/เดือน รวม 1, 000 บาท/เดือน

3.อายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้รับเบี้ยความพิการจาก อปท. 800 บาท/เดือน ก็จะไม่มีสิทธิได้รับเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน

ขึ้นทะเบียนคนพิการรายใหม่

ผู้พิการรายใหม่ สามารถติดต่อขึ้นทะเบียนคนพิการ ได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดในทุกจังหวัด) หรือพื้นที่กรุงเทพฯ ติดต่อได้ที่ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, ศูนย์บริการคนพิการกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ผู้พิการที่มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท “ดิจิทัลวอลเล็ต” แต่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียน ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ขอให้รีบติดต่อพม. ในพื้นที่จังหวัดของตนเองโดยด่วน ซึ่งขณะนี้ทางพม. ได้ขยายเวลาขึ้นทะเบียนคนพิการถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เพื่อจะได้รับเงิน 10,000 บาท นี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลจะมีรอบโอนกลุ่มเก็บตก อีก 2 ครั้ง ในวันที่ 21 พ.ย. และ 19 ธ.ค.67

ขั้นตอนการขอมีบัตรประจำตัวคนพิการ ต้องทำอย่างไร

1.คนพิการเข้ารับการตรวจ เพื่อขอรับเอกสารรับรองความพิการ ณ โรงพยาบาลของรัฐ

2.คนพิการ/ผู้ดูแล นำเอกสารยื่นเจ้าหน้าที่ ทำการตรวจสอบเอกสาร

3.เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกข้อมูล ออกบัตรประจำตัวคนพิการ

4.ยื่นบัตรขึ้นทะเบียน

5.รอรับสิทธิเบี้ยความพิการ

เอกสารที่ต้องเตรียม (อย่างละ 1 ฉบับ)

1.เอกสารรับรองความพิการ จากโรงพยาบาลของรัฐ

2.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาสูติบัตร (คนพิการ)

3.สำเนาทะเบียนบ้าน (คนพิการ)

4.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/สำเนาทะเบียนบ้าน (ผู้ดูแล)

5.รูปถ่ายคนพิการ 1 นิ้ว (กรณีคนพิการไม่สามารถมาด้วยตนเอง)

กรณีผู้ที่จะเป็นผู้ดูแลคนพิการ ไม่ใช่ญาติร่วมสายโลหิต หรือทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่ร่วมกับคนพิการ ให้ข้าราชการ กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน รับรองบุคคลนั้นว่า เป็นผู้ดูแลคนพิการ พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรข้าราชการ อย่างละ 1 ฉบับ

เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนพฤศจิกายน 2567 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการที่รัฐมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน รายละ 600-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ ดังนี้

-อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาทต่อเดือน

-อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาทต่อเดือน

-อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาทต่อเดือน

-อายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน

ลงทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รายใหม่

ในแต่ละปีจะมีการเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ๆ มาลงทะเบียน ซึ่งการเปิดรับลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุปี 2569 สามารถลงทะเบียนได้แล้ว ภายในเดือนตุลาคม 2567 ถึง กันยายน 2568 คุณสมบัติดังนี้

1.เป็นผู้สูงอายุรายใหม่ และยังไม่เคยลงทะเบียน

2.สัญชาติไทย

3.เป็นผู้มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2569 นับอายุจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2568 (เกิดตั้งแต่ 2 กันยายน 2508 – 1 กันยายน 2509)

เอกสารที่ต้องเตรียม

สำเนาทะเบียนบ้าน และสำเนาหน้าสมุดบัญชี เพื่อขอขึ้นทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

สถานที่ลงทะเบียน

โดยผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร ลงทะเบียน ณ สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

ส่วนต่างจังหวัดยื่นได้ที่สำนักงานเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน