จากกรณีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประกาศมาตรการยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking เพื่อตัดวงจร บัญชีม้า และป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ โดยชื่อผู้ใช้งานต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ ป้องกันการใช้ซิมที่ไม่ระบุตัวตนในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ทางธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก KBank Live แจ้งลูกค้า โดยระบุข้อความว่า
ตามมาตรการยกระดับความปลอดภัย การใช้งาน Mobile Banking ให้ชื่อผู้ใช้งานตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ
ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องดำเนินการที่ใช้บริการ K PLUS / K PLUS SME/ LINE BK / MAKE by KBank จะได้รับแจ้งวิธีการผ่านช่องทางที่ท่านใช้บริการ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปและต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568
ลูกค้าที่ไม่ได้รับแจ้ง ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และสามารถใช้งานบริการดังกล่าวได้ตามปกติ กลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 คือ
กลุ่มที่เปิดใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา และเข้า 2 เงื่อนไขนี้
1.กลุ่มผู้ใช้งาน K PLUS / K PLUS SME / LINE BK / MAKE by KBank ที่ตรวจหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่พบชื่อเจ้าของซิม หรือ
2.กลุ่มชาวต่างชาติที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน K PLUS / K PLUS SME / LINE BK / MAKE by KBank
ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมที่ K-Contact Center 02-8888888 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า มาตรการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ปปง. ธปท. กสทช. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ ป้องกันการใช้ซิมที่ไม่ระบุตัวตนในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย
มาตรการตรวจสอบกลุ่มเป้าหมาย
จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ กว่า 120 ล้านหมายเลข พบว่ามีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
-กลุ่ม M (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน)– 75.8 ล้านหมายเลข (63.02%)
-กลุ่ม N (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน) – 30.9 ล้านหมายเลข (25.68%)
-กลุ่ม P (ไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล) – 13.5 ล้านหมายเลข (11.29%)
โดยประชาชนในกลุ่ม N และ P จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอป Mobile Banking ให้ปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องภายใน 90 วัน (ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568) ต้องติดต่อไปที่ศูนย์บริการค่ายโทรศัพท์มือถือที่ตนเองใช้บริการและนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตน ไม่อย่างนั้นอาจถูกระงับการใช้งาน Mobile Banking ชั่วคราว แต่ยังสามารถใช้เงินได้อยู่ ผ่านทางธนาคารหรือบัตรเครดิต เพียงแต่ใช้ผ่านทาง mobile banking ไม่ได้ (ไม่มีส่งข้อความผ่านSMSหรือช่องทางอื่น)
ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆจะเริ่มทยอยส่ง SMS ไปทาง Mobile Banking คาดจะส่งข้อความถึงผู้ใช้บริการทั้งหมดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์